วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ตามความฝันไปSafari ที่เคนย่า 1 (เตรียมตัว! ก่อนเดินทางตามความฝัน)


  เตรียมตัวก่อนเดินทางตามความฝัน ไป Safari ที่เคนย่า!

    ความใฝ่ฝันสุดยอดของนักดูสัตว์ป่าอย่างหนึ่งคือการที่อยากจะไปสัมผัสซาฟารีแบบในหนังฝรั่งเก่าๆที่เคยดู สักครั้งในชีวิต.....   ผมก็เป็นเหมือนกันกับเขาด้วยคนหนึ่งที่มีความฝันอยากทำแบบนั้นสักครั้งในชีวิต..เคยประทับใจจากหนังเรื่องOut of Africa .....ดูแล้วมันยิ่งกระตุ้นต่อมอยากไป
    แล้วความฝันของผมก็เป็นจริงเพราะมีครั้งนึงพี่ดวงดาว สุวรรณรังษี บก. นิตยสาร Nature Explorer เปิดทริปให้สมาชิกหนังสือ สามารถไปร่วมทริปได้ โดยรับจำนวนจำกัด...
    ผมอยากไปมากเลยพยายามจะชวนเพื่อนไปด้วยแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครชอบเข้าเส้นแบบผม. ค่าทัวร์แพงเป็นเหตุผลใหญ่พวกเขาคงเลือกไปเที่ยวยุโรปที่สบายๆดีกว่า ผมก็เลยต้องบินเดี่ยวไปกับคนอื่นอีกครั้ง.... สมาชิกทริปนี้มีไปทั้งหมด13ท่านรวมผมด้วย ทำให้เป็นเศษ....   พี่ดวงดาวบอกว่าให้ผมนอนพิเศษคนเดียวห้องเดียวในทุกที่ที่ไปทริปนี้...ผมยังไม่รู้ว่าไอ้พิเศษนอนคนเดียวสำหรับการไปซาฟารีที่เคนย่า นี้มันดีหรือไม่ดีแต่ก็ OK เพราะผมไม่เรื่องมากอยู่แล้ว........ข้อสำคัญผมไม่ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อนอนคนเดียวด้วย :)
    ก่อนการเดินทางเราต้องเตรียมตัวหลายอย่างแต่เนื่องจากไปกับตัวแทนทำให้ง่ายขึ้นเรื่องวีซ่าทำได้ง่าย อาจทำVisa on arrival ก็ได้ และข้อสำคัญต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลืองไปด้วย. ผมไปฉีดที่กองควบคุมโรคและตรวจคนเข้าเมืองที่สาธร ....
วัคซีนไข้เหลือง1เข็มป้องกันได้10ปี.....ไข้เหลืองเป็นโรคที่มากับยุงป่าที่กัดเป็นโรคที่แพร่ระบาดในแถบทวีปแอฟริกา ดังนั้นจึงต้องป้องกันตามกฏระเบียบขององค์การอนามัยโลก
หลังจากนั้นก็เตรียมตัวรอเดินทางครับ.....
จำได้ว่าตอนนั้น Kenya Airline เริ่มเปิดเส้นทางการบินบินตรงสูกรุงไนโรบีประเทศเคนย่าเลยยิ่งสะดวกขึ้นมาก.....
     บอกพวกเรานิดนึงว่าช่วงที่ดีที่สุดของการไปดูสัตว์แบบซาฟารีที่เคนย่าคือช่วง
ที่เขาเรียกว่า The great migration อยู่ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ของทุกปี เพราะสัตว์ป่าจำนวนมากจะอพยพเข้ามาหากินที่ทุ่งหญ้า มาไซมาร่า กันมากที่สุดและเป็นเขตที่อยู่ในประเทศเคนย่า....สัตว์กินพืชชนิดต่างๆ เช่นWildebeest ,ม้าลาย,สัตว์กลุ่มกวางต่างๆ........จะอพยพมาจากฝั่งประเทศแทนซาเนีย จากทุ่งหญ้าเซเร็งเกติ ข้ามแม่น้ำกรูเมติข้ามพรมแดนเข้ามายังเขตประเทศ      เคนย่า....โดยผ่านแม่น้ำมาร่าอีกครั้งเข้าสู่ทีราบทุ่งหญ้าสะวันนาที่อุดมสมบูรณ์ในเขตอนุรักษ์มาไซมาร่าของเคนย่าทุกๆปีวนเวียนกันไปแบบนี้....เป็นวัฐจักรธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่รายการหนึ่งของโลกทีเดียว
ดังนั้นจะเห็นว่าช่วงเดือนดังกล่าวค่าเดินทางจะแพงกว่าช่วงอื่นและทัวร์จะเต็มเนื่องจากเป็น Hi season ของเขานั่นเอง.......

     สิ่งที่คุณต้องเตรียมไปมีอะไรบ้างเพื่อสนุกกับการซาฟารี10วันในแอฟริกา

การดูสัตว์ในแอฟริกาให้สนุกต้องเตรียมตัวดังนี้ นะครับ
-เสื้อผ้าสีกลมกลืนกับธรรมชาติไม่ฉูดฉาดเกินไป
-เสื้อแจ๊คเก็ตถ้าเป็นคนขี้หนาว เพราะตอนเช้าอากาศเย็นๆ
-อากาศดีที่สุดของปีคือช่วง สิงหา-กันยานี่แหละครับกำลังดี ไม่ร้อน ไม่ฝนตก ไม่หนาวมาก
-รองเท้าที่หุ้มส้นพื้นหนาสวมสบายที่สุดของคุณที่พร้อมลุยกับความทุรกันดารได้
หมายเหตุ: รองเท้าต้องพื้นหนาเพราะคุณอาจเหยียบหนามต้นAcaciaที่ยาวขนาดเกิน1นิ้วเข้าก็เป็นได้ในระหว่างท่องเที่ยวดูสัตว์ ....ผมรอดมาแล้วจากเหตุการณ์แบบนี้
แนะนำรองเท้าบาจารุ่นSafari ครับ ลองไปหาดูที่ร้านบาจาที่ไนโรบี มีขายครับ        ทน ถึก เข้ากับการไปเที่ยวซาฟารี จริงๆ          เป็นของที่ระลึกดีด้วยครับใช้ได้ด้วย  รู้สึกว่าจะทำขายสำหรับซาฟารีโดยเฉพาะ
-รองเท้าแตะ
-แว่นกันแดด
-หมวกกันแดด. สำหรับคุณผู้หญิงครีมกันแดดก็ดีครับ
-กล้องส่องทางไกลคุณภาพดีๆสักตัว
-หากท่านใดที่ชอบถ่ายภาพ เตรียมไปได้เลยชุดใหญ่ที่สุดของคุณ ผมแนะนำ 2 ขนาดเลนส์ที่เหมาะสมคือ300mmและ500-600mm ครับสำหรับถ่ายภาพสัตว์ในทุ่งซาฟารี   กล้องของคุณยิ่งเร็วมากเท่าไรยิงดีเอาที่ถ่ายได้เร็ว8ภาพขึ้นไปแจ๋วเลยครับ                          มี Buffer ยิ่งมากยิ่งดี   แล้วก็ memory card เยอะๆ หรือขน Harddisk แบบ load memory card ได้ ไปด้วยเลยยิ่งดีครับ คุณจะสนุกกับการถ่ายภาพสัตว์ป่าที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ
-แบตเตอรี่กล้องสำรอง charger และปลั๊กไฟ adapter ของ แอฟริกา Zone
-ยาประจำตัว หน้ากากอนามัยหลายๆชิ้นสำหรับปิดจมูกกันฝุ่นเวลาเดินทาง
-ถ้าอยากสนุกได้ความรู้ก็ หาLonely planet ประเทศ Kenya. สักเล่มอ่านก่อนไปแล้วพกไปด้วยจะสนุกมากครับ
-หนังสือคู่มือดูสัตว์ป่าแอฟริกาหาดูจากร้าน  Kinokuniya กรุงเทพฯก็ได้ครับ
   
      ผมเดินทางไปกับคณะด้วยความตื่นเต้นระยะเวลาการเดินทางคือบิน9ชั่วโมงแล้วผมก็มาถึงนครหลวงของเคนย่าคือไนโรบีที่สนามบิน "โจโม่เคนยัทต้า" ตอนลงเครื่องตรวจคนเข้าเมืองวีซ่า สบายๆครับไม่เข้มงวดอะไรเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวถามเเค่ว่ามาทำอะไร พอบอกไปว่ามาซาฟารี เจ้าหน้าที่จะยิ้มกว้างเห็นฟันขาวจั๊วเลยครับแล้วบอกว่า"จัมโบ้"ซึ่งเป็นความหมายว่าสวัสดีและยินดีต้อนรับนั่นเอง....
      เราเจอตัวแทนที่มารับคณะของเราพร้อมอยู่แล้วเมื่อแสดงตัวก็พร้อมเอาสัมภาระออกมานอกสนามบินตรงลานกว้างที่บริเวณจอดรถรอนักท่องเที่ยว........ สิ่งที่คุณเห็นแล้วไม่น่าเชื่อเลยคือ รถที่ทำหน้าที่ท่องซาฟารีของตัวแทนทัวร์ต่างๆ ไม่รู้กี่บริษัททัวร์เต็มไปหมดเป็นร้อยคัน.... เพราะส่วนมากทริปทัวร์จะมาถึงFlight เช้า6โมงเป็นส่วนใหญ่
      ผมเช้าใจแล้วว่าประเทศเคนย่านั้นรายได้หลักของประเทศเขามาจากไหนคือการท่องเที่ยวซาฟารีนี่เอง....
พอเราเจอหัวหน้าไกด์ชื่อ "แซมมี่" ซึ่งทำหน้าที่ขับรถพาเราเที่ยวด้วยเขาทักทายเราด้วยคำว่า"จัมโบ้"เช่นเดียวกันแล้วเอาสัมภาระเราขึ้นรถทั้งหมดแยกเป็น2คัน รถที่เราใช้เป็นรถตู้ที่ทำมาพิเศษโดยที่นั้ง หลวมๆไม่เเน่นมากทำให้นั่งสบายไม่อึดอัดผมยังไม่เล่าเรื่องหลังคาแล้วกันนะครับ   เอาไว้เล่าตอนไปดูสัตว์แล้วค่อยบอกว่ามันเป็นอย่างไร?......
      ไกด์พาเราไปทานอาหารเช้าทันทีสุดยอดมาก.....เป็นโปรแกรมที่เขาแคร์นักท่องเที่ยวจริงๆ....อาหารเช้าของเราทานกันที่โรงแรมใจกลางเมืองไนโรบีเลยครับเป็นBreakfastโรงแรมอย่างดีและเปิดโอกาสให้เราทำธุระล้างหน้าแปรงฟันเพื่อความสดชื่นก่อนการเดินทางไกลกัน.....

      เป็นความรู้แบ่งปันแล้วกันนะครับกลุ่มบริษัททัวร์ที่ผมใช้บริการคือKuoni เป็นบริษัทของSwitzerland  อายุบริษักก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1906 ก็ประมาณ100กว่าปีแล้วปัจจุบัน... ในเคนย่าเปิดให้บริษัททัวร์หลายชาติเข้าไปลงทุนทำสัมปทานท่องเที่ยวเพราะปีหนึ่งๆมีนักท่องเที่ยวมาซาฟารี มากมายมหาศาลบริษัททัวร์ส่วนใหญ่เป็นของยุโรป เพราะเน้นลูกค้ากลุ่มยุโรปที่กระเป๋าหนักทั้งนั้นเท่าที่ผมเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มากยังมาจากยุโรปเสียเป็นส่วนใหญ่......
      เมืองไนโรบีเป็นเมืองใหญ่ที่ มีรถราเยอะมาก วิ่งวุ่นไปหมด  ดูเป็นเมืองธุรกิจหลักของเขาเลย  เมืองของเขามีเขตติดกับทุ่งหญ้าสะวันนาที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เลยครับ
แล้วผมจะมาเล่าต่อนะครับ.......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น